วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555

วันแรก กรุงเทพ-christchurch

ในที่สุดก็ถึงวันเดินทางหนูขิงตื่นเต้นมากๆ พอไปถึงสุวรรณภูมิก็ไปแลกเงินเห็นเค้ามีประกันเดินทางขายเลยซื้อไปซักหน่อย ทุกทีก็ไม่เคยซื้อแต่เอาน่าเผื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ใช้เวลาในการบินประมาณ13ชั่วโมง ถึงที่สนามบินไครชท์เชิร์ต ประมาณสายๆวันรุ่งขึ้น


วันที่หนึ่ง
ใช้เวลาผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรประมาณชั่วโมงนึง ที่นานก็เพราะตอนที่เรากรอกแบบฟอร์มของ New Zealand Arrival Card เค้ามีหัวข้อนึงเกี่ยวกับ Biosecurity ที่ถามว่า เราได้นำ other risk items* including: used tents, tramping and hiking footwear, …”มาที่ประเทศเค้าหรือเปล่า จะตอบว่า “NO” ก็เหลือบไปเห็นตัวหนังสือแดงๆเขียนว่า  “WARNING: Failure to make a correct declaration may result in an instant fine of $200 or prosecution resulting in a fine of up to $100,000 or imprisonment for up to five years.” กลัวถูกปรับและติดคุกค่ะ
 แม่เลยต้องบอกเค้าไปว่าเรามี Hiking boots อยู่สามคู่ แต่ล้างทำความสะอาดแล้วนะ คุณลุงเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า งั้นขอดูหน่อย เลยต้องเปิดกระเป๋าให้เค้าเอารองเท้าออกมาดู พอได้รองเท้าปั๊ป คุณลุงก็ดูที่พื้นรองเท้าด้านล่างทันที รองเท้าของหนูขิงเพิ่งใช้ไปครั้งเดียวยังใหม่อยู่ คุณลุงเลยให้ผ่านสบายๆ ส่วนของพ่อกับแม่ โอ๊ะโอ รองเท้าเราค่อนข้างจะเก่า  แต่เรารีบบอกว่าเราล้างทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคแล้วนะ คุณลุงบอกว่าขอเช็คหน่อยนะ และไปหยิบแว่นขยายมาส่องดูพร้อมอธิบายว่าต้องดูให้ละเอียดเพราะว่า พื้นรองเท้าอาจมีเศษดินหรือเมล็ดพืชติดมาด้วยซึ่งอาจจะมีแบคทีเรียหรือไวรัสที่อาจเป็นอันตรายต่อพืชและสัตว์ของประเทศเค้า ตลอดเวลาที่คุณลุงตรวจรองเท้าอยู่เค้าพูดจาดีมาก ประทับใจมากๆเลยค่ะ พอดูเสร็จเค้าก็ให้เราเก็บของลงกระเป๋าและก็ให้ผ่าน แถมบอกว่าเดินทางปลอดภัยนะ
พอออกมาได้ สิ่งแรกที่เห็นก็เจอ The Christchurch Airport i-SITE มีข้อมูลแผ่นพับแนะนำสถานที่ท่องเที่ยววางเรียงอยู่เยอแยะให้เลือกหยิบกันตามชอบใจ แม่เลยบอกพ่อว่าขอเวลาหาข้อมูลหน่อยนะ แล้วให้พ่อไปโทรหาศูนย์Alpha campervan และหาซื้อซิมของนิวซีแลนด์ กับบัตรเติมเงิน เรื่องโทรศัพท์สำหรับแม่ต้องมีนะคะ ไม่ใช่เวอร์แต่เป็นสิ่งจำเป็น เพราะอย่างที่บอกไว้ตอนแรกว่าเรามาแบบไม่ค่อยได้จองโรงแรมหรือทัวร์ล่วงหน้ามาจากเมืองไทย เพราะฉะนั้นการที่มีโทรศัพท์จะทำให้การติดต่อจองที่พักหรือทัวร์เป็นไปได้ง่ายขึ้น   แม่พูดกับพ่อเป็นภาษาไทยปนภาษาอังกฤษ คุณป้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ของ i-SITE ได้ยินเราพูดว่า Campervanก็เลยถามว่าจะให้ช่วยอะไรไหม เราเลยบอกว่าอยากโทรเรียกรถให้มารับไปที่ศูนย์แคมป์เปอร์แวน ของบริษัทอัลฟา(Alpha) คุณป้าเลยขอเอกสารการจองและโทรเรียกรถให้ และบอกว่าอีกยี่สิบนาทีให้ไปรอข้างนอกตามป้ายว่าrental car เลยสบายไป เจอคนใจดีอีกแล้ว พ่อเลยไปซื้อซิมสำหรับโทรศัพท์ เราจะได้โทรติดต่อเรื่องการจองทัวร์และที่พักระหว่างทางได้ค่ะ แม่กับหนูขิงก็หยิบแผ่นพับและแผนที่กันสนุกไปเลย  มีแผนที่ฟรีให้เลือกหยิบหลายยี่ห้อแต่ยี่ห้อที่แม่ชอบมากๆก็คือ แผนที่ของ Jason คือ Top & Central South Island Route Planner 2012 และ Southern South Island Route Planner 2012 เพราะค่อนข้างละเอียดแต่ดูง่าย และเค้ามีคู่มือพร้อมรายละเอียดของที่พักแบบ ฮอลิเดย์พาร์คให้เป็นเล่มเลยนะคะ แต่เราก็เช่าจีพีเอสด้วยนะคะ จะได้ช่วยให้ขับรถบ้านได้ง่ายขึ้น ไม่หลงทาง เราหยิบเอกสารมาเยอะมากๆคุณป้าเลยให้ถุงมาใส่ ใจดีอีกแล้ว เสร็จแล้วเราก็ ออกมายืนรอรถมารับ แดดสวย ฟ้าใส อากาศย็นสบายถึงค่อนข้างหนาวนิดๆ  
รอรถแป๊ปเดียวคนจากอัลฟาก็มารับ นั่งรถไปซักหน่อยก็ถึงศูนย์รถบ้าน เจ้าหน้าที่ก็ออกมาถามชื่อขอเอกสารการจอง, หนังสือเดินทาง และใบขับขี่ระหว่างประเทศแล้วก็ให้เรานั่งอ่านเอกสารกับดูวีดีโอการใช้รถบ้าน และเอกสารการเกี่ยวกับกฎจารจรของประเทศเค้า เรื่องหลักของการขับรถก็คือ ขับทางด้านซ้าย(เหมือนประเทศไทย)  และกฏการให้ทางของประเทศเค้าคือ ถ้าเราจะเลี้ยวต้องให้ทางรถคันอื่นที่ไม่ได้ต้องการเลี้ยวก่อน และให้ทางแก่รถทางขวาก่อน อีกอย่างคือห้ามเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดต้องรอสัญญาณไฟเท่านั้น ใช้เวลาดูและอ่านประมาณสี่สิบห้านาที เจ้าหน้าที่ก็มาพาไปดูรถบ้านของเรา และก็สอนเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่างๆของรถ ว่าต่อไฟตรงไหน ต่อน้ำที่ไหน  วิธีกางเตียงเก็บเตียง การเทสิ่งปฏิกูลทิ้ง และย้ำว่า Toilette cassette ต้องทิ้งที่Dump Stationเท่านั้น แม่ไม่อยากคุยข่มพ่อว่าเรื่องพวกนี้น่ะมีเขียนบอกไว้หมดแล้วในนิตยสารค่ะ แต่เอาเถอะ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น คุณเจ้าหน้าทีก็เสริมอีกว่าน้ำประปาของนิวซีแลนด์นั้นสะอาดดื่มได้ แล้วเค้ามีเครื่องกรองน้ำให้เราด้วย เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปซื้อน้ำกินนะ แม่อ่านมาอีกเหมือนกันแล้วเลยรีบบอกว่าเราสามคนเตรียม กระติกน้ำส่วนตัวมาแล้ว อ้อห้องน้ำเค้ามีทั้ง  น้ำร้อนและน้ำเย็นให้อาบเลยนะคะ   คุณ เจ้าหน้าที่อธิบายการใช้ห้องน้ำ  เค้า รีบบอกเลยว่าเราต้องใส่ก้อนแบคทีเรียในโถส้วมนะ จะได้กันกลิ่นเหม็นและช่วยย่อยสลายของเสียด้วย  ก้อนแบคทีเรียพวกนี้หาซื้อได้ตามฮอลิเดย์พาร์ค  พออธิบายเกี่ยวกับรถเสร็จ คุณเจ้าหน้าที่ก็ให้จีพีเอส แผนที่เอกสารการเช่ารถ พร้อมเบอร์โทรของCall Centerถ้าเรามีคำถาม เค้าบอกว่าถ้าเราไม่เข้าใจอะไรเราก็ถามเจ้าหน้าที่ของฮอลิเดย์พาร์คได้
 
                ลืมบอกไปค่ะว่าในรถบ้านของเราคันนี้ เค้ามีตู้ให้เก็บเสื้อผ้า และเค้าเตรียมทุกอย่างให้เราหมดเลยค่ะสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลาย เครื่องนอน อุปกรณ์ทำครัว โต๊ะเก้าอี้ ตู้เย็น เตาแก๊ส ไมโครเวฟ เครื่องปิ้งขนมปัง แถมมีเตาอบเล็กๆ ยังมีฟองน้ำล้างจาน  กระดาษทิชชู ในห้องน้ำ Tea Towel หรือผ้าเช็ดจานให้ด้วย อ้อมีไม้กวาดให้ด้วยนะคะ แม่รีบบอกพ่อว่าเหมือนกับที่อ่านมาเลย  เราแค่ซื้อน้ำยาล้างจานค่ะ 
 
พอคุณเจ้าหน้าที่เห็นกระเป๋าและสัมภาระของเรา (ซึ่งใหญ่มากเพราะอีเมลล์มาถามก่อนแล้วว่าบริการรับฝากกระเป๋ามีหรือไม่ ถ้ามีเราจะได้เอากระเป๋าใบใหญ่มาเผื่อเอาไว้ใส่ของที่ซื้อ)   ก็รีบบอกว่าพอเราเก็บเสื้อผ้าในตู้แล้วเราสามารถฝากกระเป๋าเดินทางกับเค้าได้นะ เราฝากแต่กระเป๋าใหญ่ กระเป๋าเล็กเก็บไว้ใต้ที่นั่งได้ เก็บของกันเสร็จแล้ว คุณเจ้าหน้าที่คนเดิมก็เอาแผนที่มาให้ และชี้ให้ว่า เคานท์ดาวน์(Countdown) และ นิวเวิรลด์(New World ) ซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ที่ไหนเราจะได้ไปซื้อเสบียงและของใช้ที่จำเป็น แถมไปขนผ้าห่มมาเพิ่มกับเเครื่องทำความร้อนมาให้อีกและไม่ชาร์จเงินเพิ่มเลยค่ะ ใจดีมากๆเลย


กว่าจะทำอะไรเสร็จก็เกือบเที่ยงคงต้องเริ่มออกเดินทางแล้ว พอดีหนูขิงบอกว่าหนูอยากไปInternational Antarctic Centerค่ะ เอ้าอยากไปก็ไป เพราะดูในแผนที่แล้วอยู่ใกล้นิดเดียว  เลยได้โอกาสลาคุณเจ้าหน้าที่เพื่อที่จะออกเดินทางกันซักที อุ๊ยขอเวลานอกหน่อยค่ะ ขอแม่ศึกษาวิธีการใช้จีพีเอสก่อนนะคะ ทริปนี้พ่อต้องขับตลอดเพราะแม่ขับเป็นแต่เกียร์ออโต้ ส่วนแม่ก็ขอเป็นNavigator กับไกด์นะคะ ใช้จีพีเอสเป็นแล้วก็ตั้งไปที่ International Antarctic Centerเลยค่ะ ขับรถแค่ห้านาทีก็ถึงแล้ว พอดีตอนไปเก็บข้อมลที่ i-SITE หยิบคูปองลดราคาของAntarctic Centerมาด้วยเลยได้ลดไปคนละ 5NZDค่ะ พอไปถึงก็หิวกันพอดีเลยฝากท้องไว้ที่caféของที่นี่ เค้าขายอาหารพวกพาย แซนด์วิช สลัดน่ะค่ะ รสชาดก็พอใช้ได้ เรารีบทานเพราะจะได้รีบเข้าไปดู ที่นี่ตั้งขึ้นในปีค.ศ.1992 เพื่อเป็นศูนย์กลางสำหรับการสำรวจทวีปAntarctica และมีจุดประสงค์ให้โลกภายนอกได้รู้จักกับทวีปนี้มากขึ้น   ที่นี่เค้ามี Hagglund Ride ด้วยนะคะ เค้าเอารถที่เรียกว่า All-Terrain Vehicle มาให้ลองนั่งดู รถจะพาเราตะลุยในสนามจำลองค่ะ  มีทั้งขึ้นเนินลงเนิน ลุยน้ำ ขับผ่านช่องแคบ ขับบนทางขรุขระ ใช้เวลานั่งประมาณ15นาที เสร็จแล้วเราก็เข้าไปข้างใน  ก่อนเข้าไปก็มีเจ้าหน้าที่มาขอถ่ายรูปเพื่อเป็นที่ระลึกค่ะ ข้างในก็มีนิทรรศการเกี่ยวกับภูมิประเทศ และการสำรวจทวีปAntarctica และการดำรงชีวิตท่ามกลางน้ำแข็ง อันแสนหนาวเย็น
 
จุดเด่นของที่นี่ก็คือ นกเพนกวินสีฟ้า(Little Blue Penguins encounter) กับ ห้องทวีปแอนตาร์คติกจำลอง(Antarctic chamber) ที่นี่จำลองที่อยู่อาศัยของนกเพนกวินสีฟ้ามาให้เรดู หนูขิงรีบบอกแม่ว่า แม่รู้ไหมนกเพนกวินในรรมชาตินั้นอาศัยอยู่ที่ซีกโลกใต้เท่านั้นนะ มีที่ให้แอบดูแม่นกที่กำลังฟักไข่ด้วยค่ะ   ส่วนที่ห้องทวีปแอนตาร์คติกจำลองนั้นให้เราลองไปเข้าไปสัมผัสกับความหนาวเย็นแบบอุณหภูมิติดลบกับพายุหิมะซึ่งทางศูนย์จะเตรียมอุปกรณ์กันหนาวและรองเท้ายางให้สวมทับรองเท้าของเราอีกทีให้  หนาวมากๆเลยค่ะ หนูขิงชอบมากๆค่ะ เดินดูกันเรื่อยเหลือบดูเวลาอีกที โอ๊ยจะสี่โมงเย็นแล้ว ต้องรีบออกเดินทางแล้ว ยังไม่ได้แวะซุปเปอร์มาร์เก็ต เลย ก่อนออกมาแวะซื้อรูปที่ถูกถ่ายไว้เป็นที่ระลึกก่อนค่ะ
เอ้าขอดูแผนที่หน่อย เราใช้เส้นทางSH11(ย่อมาจาก State Highway1) แถวนี้เค้าเรียกว่าเขต South Canterbury ขับลงใต้มาเรื่อยค่ะ คืนนี้พักที่ทิมารุ(Timaru) ก็แล้วกัน เมืองนี้ตั้งอยู่ครึ่งทางระหว่างไครชต์เชิร์ช(Christchurch) กับ ดะนีดิน (Dunedin) ชื่อเมืองมาจากภาษาเมารีคือ Te Maru แปลว่า ที่สำหรับหลบภัย ชาวเมารีใช้ชายฝั่งของเมืองนี้เป็นที่หลบลมระหว่างเดินทางด้วยเรือแคนู  ดูในคู่มือที่พักเมืองนี้มี Top 10 Holiday parkด้วย ลองโทรไปถามก็แล้วกันว่ามี ที่จอดแบบมีไฟฟ้าไหม โชคดีมีที่ว่างด้วยขอจองเลยนะคะ  ตั้งจีพีเอส แล้วก็ขับรถชมวิวไปเรื่อยๆ เจอป้ายบอกว่ามีฟาร์มอัลปาคา( Alpaca )ด้วย แวะให้หนูขิงดูหน่อย เรามาถึงก็เย็นแล้วฟาร์มปิด เราเลยได้แต่ยืนดูอยู่ริมรั้ว  เจ้าอัลปาคานี้ถูกนำเข้ามาเลี้ยงในนิวซีแลนด์ได้เพียงไม่กี่ปี คนที่นี่บางคนก็เลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง บางคนก็ทำเป็นฟาร์ม เพราะขนที่นุ่มและราคาแพงกว่าขนแกะ
 
           พอเข้าเขตเมืองทิมารุ ก็เริ่มมองหา ฮอลิเดย์พาร์ค เครื่องจีพีเอสทำงานดีมากพามาถึงโดยไม่หลงเลย  พอมาถึงก็เช็คอิน เจ้าหน้าที่ก็เอาแผนที่ของ ฮอลิเดย์พาร์ค มาให้และชี้ว่าต้องจอดที่ไหน โชคดีจริงๆได้จอดใกล้ห้องอาบน้ำ พาหนูขิงเดินสำรวจ ที่นี่ หน่อยนึง ท้องก็เริ่มหิวแถมยังไม่ได้ซื้อข้าวของเครื่องใช้เลย ขับรถไปดูว่ามีร้านอะไรในเมืองดีกว่า  เมืองนี้เป็นเมืองไม่ใหญ่มาก มีถนนสายหลักอยู่ไม่กี่แห่ง เราขับรถวนบนถนน Stafford อยู่หนึ่งรอบ มีร้านอาหารเยอะพอสมควร มีร้านอาหารไทยด้วย  ชื่อว่า ร้านสุโขทัยค่ะ  แต่คนแน่นมาก อ้อเจอร้านอุปกรณ์เดินป่าและพวกเสื้อกันหนาวชื่อ Kathmandu ด้วยแต่ปิดแล้ว ยังมีร้านอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติด้วยนะคะ แต่ไม่มีคนนั่งเลย เราเลยไม่เอา   ตัดสินใจเลือกร้านจีนชื่อRoyal Garden  ทั้งร้านมีโต๊ะอยู่ห้าหกโต๊ะ พนักงานเสิร์ฟหนึ่งคน พอไปนั่งเค้าก็ยกน้ำเปล่ามาให้ขวดนึงกับแก้วสามใบ  เราสั่ง ไข่เจียวกุ้ง prawn egg foo young เกี๊ยวน้ำ wonton soup ผัดผักคะน้าใส่เนื้อน้ำมันหอย stir-fried beef with Chinese broccoli in oyster sauce. และข้าวอีกสองถ้วย ด้วยความเหนื่อยปนหิว อาหารทุกอย่างหมดเกลี้ยง  อิ่มแล้วก็ไปหาร้าน ซุปเปอร์มาร์เก็ต กันค่ะ เจอเคานท์ดาวน์ ยังเปิดอยู่ระหว่างทางกลับที่พัก วันนี้เป็นวันพฤหัสร้านส่วนใหญ่จะปิดสองทุ่มค่ะ ถ้าวันอื่นห้าหกโมงก็ปิดแล้ว แวะซื้อเสบียงและของใช้จำเป็น เช่น อาหารเช้า นม อาหารสดต่างๆ  เคื่รองปรุงต่างๆ น้ำยาล้างงจาน ผงซักฟอก เดินไปเดินมาเจอ Bundaberg  ginger beer เลยลองซื้อดื่มดู อร่อยดีนะคะเหมือนน้ำขิงใส่โซดาและไม่มีแอลกอฮอล์  ที่ต้องซื้อผงซักฟอกก็เพราะว่า เอาเสื้อผ้ามาไม่มากค่ะ และทุกฮอลิเดย์พาร์ค เค้าจะมีห้องซักผ้าให้ค่ะ ซื้อของเสร็จ ก็กลับที่พัก ต่อสายไฟ สายน้ำ ปูที่นอน และพาหนูขิงไปอาบน้ำ  เตรียมตัวเข้านอน จบวันที่หนึ่งแล้วค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น