วันที่ห้า
วันนี้ต้องขับรถไกลเราเลยออกเดินทางแต่เช้าค่ะ
แต่ก่อนออกเราไม่ลืมเทของเสียออกจากถัง ที่นี่เค้ามีทีเทอยู่ติดกับที่จอดเลยค่ะ คราวนี้ไม่มีกลิ่นรบกวนแล้วค่ะ
ขับวนไปเวียนมาลองใช้เส้นทางใหม่จะได้ชมวิวไปเรื่อยๆ ขับไปมาเอ๊ะ เจอป้ายชื่อ Sandfly Bay คุ้นแฮะ
จำได้ว่า Lonely
Planet บอกว่าสามารถไปเดินดูแมวน้ำได้ เลยบอกพ่อว่าลองไปดูกันนะ ขับมาตามถนนHighcliff (หน้าผาสูงสมชื่อถนน) เจอถนน Seal Point ก็เลี้ยวเข้าไปเลย
ประมาณหนึ่งกิโลก็จะเจอทางเข้าของ Sandfly Bay แม่อ่านเจอมาว่าอ่าวนี้ไม่ได้ถูกตั้งชื่อตามแมลงsand flyนะ
แต่ถูกตั้งชื่อนี้เพราะทรายถูกพัดปลิวมาทับถมที่นี่จนเกิดเป็นเนินทรายขนาดใหญ่ sand dune เราจอดรถแล้วก็เดินลงไปดู
มีป้ายบอกไว้ว่าเราสมารถเดินลงไปดู Yellow Eye Penguin และ
NZ fur sealได้
ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีสำหรับขาลง
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhv12KtB90R88J9KEGO7l4ReU4vE0pIBZAg-4mebp0GZc4KKl_kK_cB60QVuf7I3xADzVUtLRX9xt6eRfRyhSQE8v6Pz_rSPF_pUArXizjDGG9gwPxhuka25Rp8iy_jalGI6SaipAA4-5k/s320/Sealpoint00.JPG)
พ่อกลัวลงไปแล้วไม่เจอแมวน้ำ เลยใช้กล้องส่องทางไกลส่องหาแมวน้ำก่อน มีนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสเดินมาถามว่าเจอไหม พอเราบอกว่าเจอ เค้าเลยมาชวนเราลงไปพร้อมกับเค้า ตอนแรกๆทางเดินเป็นดินแห้ง พอลงไปอีกหน่อย ก็มีแต่ทราย พอถึงหาดทรายข้างล่าง ก็เจอแมวน้ำนอนผึ่งแดดอยู่ 2 ตัว
พ่อกลัวลงไปแล้วไม่เจอแมวน้ำ เลยใช้กล้องส่องทางไกลส่องหาแมวน้ำก่อน มีนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสเดินมาถามว่าเจอไหม พอเราบอกว่าเจอ เค้าเลยมาชวนเราลงไปพร้อมกับเค้า ตอนแรกๆทางเดินเป็นดินแห้ง พอลงไปอีกหน่อย ก็มีแต่ทราย พอถึงหาดทรายข้างล่าง ก็เจอแมวน้ำนอนผึ่งแดดอยู่ 2 ตัว
หนูขิงตื่นเต้นมาก
เรายืนดูเค้าอยู่ห่างๆ ตามคำแนะนำในแผ่นพับที่หยิบมา เดินต่อไปเรื่อยๆก็เจอแมวน้ำอีก ตัว กำลังนอนหาวอยู่
มีฝรั่งใจกล้าจะเข้าไปถ่ายรูปใกล้ เจ้าตัวนี้เลยส่งเสียงขู่
แม่ตกใจรีบคว้าหนูขิงให้เดินห่างๆเลยค่ะ เราเดินตามชายหาดไปเรื่อย
ก็เจอแมวน้ำเป็นระยะ
เจอนกทะเลหลายชนิด มีตัวนึงกำลังหาหอยกินอยู่ หนูขิงบอกว่าชื่อ Oyster Catcher ดูนาฬิกาอีกทีเกือบเที่ยงแล้ว รีบเดินขึ้นไปกันดีกว่า โอ้โหขาขึ้นเกือบแย่ เพราะเดินขึ้นเนินทรายที่ชันมากๆ แต่ก็สนุกดี หนูขิงถึงกับเหงื่อตก เลิกสวมเสื้อกันหนาวเลยค่ะ ขึ้นมาแล้วแม่ทำแซนด์วิชให้ทานเป็นอาหารกลางวัน เราทานไปขับไปค่ะ เพราะมัวแต่ดูแมวน้ำ เดี๋ยวอดดูหนอนเรืองแสง
เจอนกทะเลหลายชนิด มีตัวนึงกำลังหาหอยกินอยู่ หนูขิงบอกว่าชื่อ Oyster Catcher ดูนาฬิกาอีกทีเกือบเที่ยงแล้ว รีบเดินขึ้นไปกันดีกว่า โอ้โหขาขึ้นเกือบแย่ เพราะเดินขึ้นเนินทรายที่ชันมากๆ แต่ก็สนุกดี หนูขิงถึงกับเหงื่อตก เลิกสวมเสื้อกันหนาวเลยค่ะ ขึ้นมาแล้วแม่ทำแซนด์วิชให้ทานเป็นอาหารกลางวัน เราทานไปขับไปค่ะ เพราะมัวแต่ดูแมวน้ำ เดี๋ยวอดดูหนอนเรืองแสง
พอออกจาก แหลมโอทาโก เราใช้SH1ขับลงใต้มาเรื่อย
ผ่านเมือง
Balclutha, Gore, Lumsden และMossburn มุ่งสู่ Te Anau ถนนช่วงนี้เค้าเรียกเป็น Rural Hinterlandค่ะ
เราทำเวลาดีมากๆ ถีงTe Anau ตอนสามโมงนิดๆเอง
เราเลยขับรถวนดูรอบๆเมืองเพื่อหาที่พักคืนนี้
กะว่าจะอยู่ที่นี่ซักสองคืนแล้วค่อยไปต่อ ยังไม่ทันขับรอบเมืองเลย เจอ Te Anau Top 10 Holiday Park พ่อก็ขับตรงดิ่งไปเลย
ติดต่อขอเข้าพัก ที่นี่อยู่ใกล้ท่าเรือของ Real Journeys และศูนย์กลางของเมือง
แถมอยู่ติดทะเลสาบด้วย พอได้จอดรถ ต่อน้ำ ต่อไฟเรียบร้อย เราก็เดินไปที่ท่าเรือ
ระหว่างทางหนูขิงเห็นรถขาย ฟิชแอนด์ชิปส์ก็อยากทาน
พ่อกับแม่ก็เห็นด้วยว่าควรจะมีอะไรรองท้องนิดหน่อยก่อนไปดูหนอน พ่อกับขิงเลยไปซื้อ
ส่วนแม่ก็ไปยืนยันตั๋ว เจ้าหน้าทีก็ให้ตั๋วมาและบอกว่า 4โมง 45
ค่อยมารอขึ้นเรือ
เดินกลับมาเจอ สองคนพ่อลูกกำลังทานกันอย่างเอร็ดอร่อย
หนูขิงชอบปลาทอดมาก พ่อซื้อ seafood basket มาลองชิม อร่อยค่ะ
และไม่อมน้ำมันด้วย พอทานหมดยังเหลือเวลาอีกหน่อย
เราก็เลยไปเดินดูร้านขายของที่ระลึก แม่เจอเสื้อ fleece ลดราคาเลยซื้อให้หนูขิงกันหนาวหนึ่งตัว
พอถึงเวลานัดเราก็เดินไปรอเรือ เจอกลุ่มน้องคนไทยเลยทักทายกัน เค้าเล่าให้ฟังว่ามาจากควีนส์ทาวน์เมื่อเช้าและไปล่องเรือที่
มิลฟอร์ดซาวด์(Milford
Sound)มา สวยมากๆต้องไปให้ได้ เลยถามว่าคืนนี้พักที่ไหน เค้าตอบว่าจะตีรถกลับไป
ควีนส์ทาวน์(Queenstown)
คืนนี้เลย แม่ลองคำนวณระยะทางทั้งหมดที่น้องขับประมาณ600กิโลเมตรได้!แม่ได้แต่ร้องในใจว่า
น้องๆอึดมากๆ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjABvTCGe-k5yd5I56bFZAGND-IfW3AJ_LPnx818zcsQbTxs9k_2M1EJ7d3wuTTBF73FwXZ_x1wzZC3ckV8jSM4cSbarbUGBFVQzXtbu9xbsp4EbF7hS1xWzh-fovuGQBpBQR_s-HXO0IQ/s320/TeAnau00.jpg)
ทัวร์นี้เค้าชื่อว่า Te Anau Glow worm caves เรือที่พาไปนี้ลำใหญ่มากค่ะเป็นเรือแบบ
catamaran จุผู้โดยสารได้เป็นร้อย
ก่อนออกเดินทางกัปตันก็แนะนำเรื่องความปลอดภัยต่างๆ
บนเรือมีเรื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวให้ซื้อด้วย ระหว่างนั่งเรือไป กัปตันก็ฉายวิดีโอให้ดู
สลับกับบรรยายเกี่ยวการค้นพบถ้ำนี้ ถ้ำนี้อยู่ทางทิศตะวันตกของทะเลสาบเท อานาว เป็นถ้ำหินปูนค่ะ
ในสมัยก่อนถ้ำนี้เป็นแค่เรื่องเล่าใน ตำนานของชาวเมารีกล่าวถึง
ถ้ำน้ำวน (Te
Anau แปลว่า Swirling water) นักสำรวจชาวยุโรปรุ่นแรกก็เล่าขานกันถึงถ้ำใต้ดินที่ทะเลสาบแห่งนี้
เวลาผ่านไปคนก็ลืมไปแล้ว ต่อมาคุณ Lawson Burrows ซึ่งทำบริษัททัวร์ท้องถิ่นที่นี่
สนใจในตำนานนี้มาก ใช้เวลาถึง 3 ปีค้นหา จนค้นพบในปี1948
และคุณ Lawson
ได้เจอสายน้ำในถ้ำและสำรวจจนเจอ ถ้ำที่มืดมากแต่พอมองไปข้างบน
ก็ตกตะลึงที่เจอหนอนเรืองแสงนับพันตัว
เรือแล่นไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงถ้ำแล้วค่ะ
พอขึ้นจากเรือเดินไปตามสะพาน หนาวมากๆแถมลมแรงอีกต่างหาก เจ้าหน้าที่ก็มาต้อนรับและแบ่งเราเป็นกลุ่มๆละ8-10คน ก่อนเข้าไปเจ้าหน้าที่ก็บอกกติกาในการชมว่า
ห้ามใช้อุปกรณใดๆ ถ่ายภาพ และห้ามพูดในระหว่างชมอยู่ในเรือ ในถ้ำจะมืดสนิท ต้องนั่งใอยู่ในเรือห้ามลุกขึ้นยืน
และห้ามจับอะไรในถ้ำเลย
ที่หน้าถ้ำก็มีการถ่ายรูปเอาไว้เป็นที่ระลึกก่อน กรุ๊ปเราเดินตามทางที่สร้างไว้ ผ่านหินงอก หินย้อย
ในถ้ำไม่ค่อยหนาวนะคะ ผ่านช่วงที่เป็นน้ำตก และมีวังน้ำวนอยู่ข้างล่าง ตามเรื่องใน
ตำนานของชาวเมารี เดินต่อไปอีกนิดนึง
ก็ถึงที่เราจะลงเรือไปดูหนอนกัน เค้าก็ย้ำอีกทีว่าไม่ให้ถ่ายรูปและห้ามใช้เสียง
เรือพาเราล่องไปในความมืด แล้วก็หยุด เจ้าหน้าที่ก็กระซิบให้เราแหงนหน้าไปดู
โอ้โหระยิบระยับเลยค่ะ เรือลอยไปรอบๆถ้ำให้เราดู
เจ้าหนอนเรืองแสงแล้วก็ลอยกลับมาที่จุดจอดเรือ แล้วทุกคนก็ขึ้นจากเรือ
ระหว่างเดินกลับไปที่visitor center เราหยุดดูเจ้าหนอนเรืองแสงแบบใกล้ๆ
ที่มาเกาะอยู่ตรงนี้ถ่ายรูปได้ค่ะ พอเดินออกมาก็มีเจ้าหน้าที่บอกว่า
มีน้ำชากาแฟบริการฟรีนะ และอีกสักครู่จะมีการบรรยายและฉายวิดีโอให้ดู
แม่กับพ่อเข้าไปหาชาดื่มแก้หนาว ส่วนหนูขิงขอไปจองที่ กลัวไม่ได้นั่งข้างหน้าค่ะ พอนั่งลงปุ๊ป วิดีโอก็เริ่มฉาย
เป็นเรื่องเกี่ยวกับ วงจรชีวิตของเจ้าหนอนเรืองแสงค่ะ หนอนเรืองแสง Glowworms นี้หากินด้วยการตกอาหารค่ะ
มันจะหย่อนเส้นไหมที่เคลือบด้วยหยดน้ำเหนียวออกมา
ตัวนึงสามารถหย่อยเส้นไหมออกมาได้มากถึง 70 เส้นเลยนะคะ เส้นนึงยาวได้ 2-15cm เลยนะคะ
พอหย่อนออกมาก็ส่งแสงออกมาล่อแมลง
พอแมลงบินมาติดที่เส้นไหม ก็จะเป็นอัมพาต
พอเจ้าหนอนเรืองแสงรู้สึกว่ามีอะไรมาติดที่เส้นไหม มันก็จะดึงเส้นไหมกลับไป
จัดการฆ่าแมลงเคราะห์ร้าย และดูดเอาน้ำออกจากตัวแมลง ถึงตอนนี้หนูขิงบ่น poor insects and bad
glowwormsใหญ่เลย
วงจรชีวิตของมันเรื่มจากเป็นไข่อยู่ 3 อาทิตย์ มาเป็นหนอนเรืองแสงอยู่ 9
เดือน แล้วก็กลายเป็นดักแด้ อยู่ 2 อาทิตย์ กลายเป็นแมลงอีกแค่สองวัน
ตัวเมียพอวางไข่เสร็จก็ตายทันที ตัวผู้อยู่นานหน่อย ห้าวันถึงจะตาย เอาอีกแล้วได้ยินเสียงแง้วๆ ว่า poor little glowworms อ้าว
แม่นึกว่าไม่ชอบเจ้าหนอนเสียอีก เรานั่งฟังเจ้าหน้าที่เล่าถีงเจ้าหนอนสักพัก
เรือก็มารับ ออกมาหนาวมากๆแถมฝนตกปรอยๆ อีก
ทำให้หนาวยิ่งขึ้น รูปหนอนเรืองแสงที่เห็นนี่แม่แอบถ่ายจากป้ายมาอีกทีค่ะ
ตอนขากลับกัปตันอนุญาติให้ไปดูเค้าขับเรือด้วย
หนูขิงเลยชวนพ่อไปดู กลับลงมามาโม้ให้ฟังว่า เรือทันสมัยไฮเทคมากมีทั้ง เรดาร์ โซนาร์ จอมอนิเตอร์บอก เส้นทางการเดินเรือ
มาตรวัดความเร็วของเรือ และ ความลึกของน้ำในทะเลสาบ ทุกอย่างควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ แต่หนูขิงสรุปว่า
กัปตันของไทยเก่งว่า เพราะสามารถขับเรือในทะเลไทยโดยไม่ต้องมีอุปกรณ์เสริมใดเลย
กลับมาจากดูหนอนเรืองแสง
เราสามคนหิวมาก พ่อกับแม่เห็นร้านนึงชื่อว่า Redcliff café and bar เขียนว่า ขาย Local food เลยอยากไปลอง แต่หนูขิงขอเป็นอาหารจีน เราพยายามกล่อมว่ามาเมืองนอกต้องกินอาหารท้องถิ่น
แต่หนูขิงบอกว่าหนูว่าอาหารจีนที่เมืองนอกอร่อยกว่าเมืองไทยนะแม่ พ่อกับแม่ถึงกับงง เดินไปเรื่อยๆเจอร้านจีน Ming
Garden เราสั่งเนื้อจานร้อน กุ้งทอดเกลือ
และ ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ รสชาดดีค่ะ อิ่มอร่อย เหลือข้าวมาถ้วยนึงเอามาไว้ผัดข้าวผัดให้หนูขิง แล้วเราก็เดินไปดูของที่ Fresh
choice ซุปเปอร์มาร์เก็ต ที่อยู่ใกล้กัน ซื้อของนิดหน่อย แล้วก็เดินกลับที่พัก
พาหนูขิงไปอาบน้ำ เจอกลุ่มน้องๆคนไทยอีกกลุ่มนึงกำลังทำอาหารอยู่ที่ห้องครัวเลยแวะทักทายกันหน่อย
น้องๆ เตรียมพร้อมมากเพราะเอาหม้อหุงข้าวไฟฟ้ามาเลย คืนนี้ต้องซักผ้าค่ะ ระหว่างรอหนูขิงอาบน้ำ
แม่เลยไปเอาผ้าใส่เครื่อง เครื่องซักผ้าเป็นแบบหยอดเหรียญค่ะทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว
ก็เตรียมตัวนอน แม่เลยเอาแผ่นพับของทัวร์มาเช็คตารางของเรือที่จะไป มิลฟอร์ด
ซาวนด์(
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น