วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2558

รับแปลเอกสารสำหรับ ขอวีซ่า ให้ฟรี

สวัสดีค่ะ

หายไปนาน ทริปนิวซีแลนด์ยังไม่จบนะคะ แต่ขอคั่นด้วยเรื่องนี้ก่อน สืบเนื่องจากคุณแม่ไปขอวีซ่า ตามที่ต่างๆมาหลายครั้งแล้ว เห็นว่าบางทีบางท่านมีเอกสารไม่ครบ เพราะไม่ได้แปลเอกสารภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ เลยต้องไปหาแปลแถมต้องเสียเงินเยอะอีกต่างหาก ถ้าท่านผู้อ่านท่านใด ต้องการความช่วยเหลือเรื่องแปลเอกสารจากไทยเป็นอังกฤษ (เอาเฉพาะขอวีซ่าท่องเที่ยวนะคะ) ท่านสามารถส่งไฟล์และรายละเอียดมาทางอีเมล์ได้เลยค่ะ practicalitem@gmail.com
พอคุณแม่ทำเสร็จจะส่งไปให้ค่ะ จะให้ส่งทางอีเมล์ แล้วไปprintเอง หรือถ้าจะเอาแบบมีcertifiedก็จะส่งทางไปรษณีย์ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นนะคะ

ยินดีที่จะช่วยนะคะ
คุณแม่น้องขิง

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

แวะชิมหอยแมลงภู่ที่Havelock ต่อด้วยเที่ยวที่Nelson

วันที่ห้า
     วันนี้อากาศแจ่มใสมากค่ะ แม่นั่งวางแผนขับรถกับพ่อว่าวันนี้เราต้องขับไปให้ถึงเมืองNelsonให้ได้ ห้ามแวะรายทางมากนัก พ่อบอกว่าสบายมาก แค่ร้อยกว่ากิโลเอง ใช้เวลาเกือบสองชั่โมงก็น่าจะถึง นั่งดูเส้นทางกัน GPSแนะนำให้ใช้ Queen Charlotte Drive แล้วต่อด้วย SH6 โอเค ได้เรื่องแล้ว โอ๊ะ! แต่ก่อนออกเดินทาง เรามาเทของเสีย ปล่อยน้ำเสียทิ้ง และ เติมน้ำสะอาดกันดีกว่า เวลาจะ empty “toilet cassette” ต้องทำที่ที่มีป้ายนี้เท่านั้นนะคะ ห้ามทิ้งมั่วๆหรือปล่อยไหลลงพื้นนะคะ
ปล่อยน้ำเสียทิ้ง
เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็เคลื่อนขบวนเลยค่ะ พ่อขอไปขับวนๆดูเมืองหน่อยนึงก่อน หนูขิงเลยขอลงไปเดินเล่นด้วยซะเลย เมืองPictonเป็นเมืองเล็กๆ แต่เพราะมีท่าเรือข้าม Cook StraitไปยังเมืองWellingtonในเกาะเหนือ เลยมีร้านรวงค่อนข้างเยอะ สองคนพ่อลูกเลยเดินดูซะเพลิน

     ในที่สุดเราก็ได้ออกเดินทางกันซักที เราขับออกมาจากPictonได้ไม่นาน ก็ถึงจุดชมวิวของเมือง เอ้าแวะไปถ่ายรูปหน่อยค่ะ โชคดีเจอเรือFerryกำลังแล่นผ่านด้วย


เรือInterislander

วิวจากจุดชมวิวของเมือง Picton

     จากจุดชมวิวก็ตามป้ายQueen Charlotte Driveไปเลยค่ะ  เค้าว่ากันว่าถนนเส้นนี้เป็น”one of the most picturesque and spectacular backroad in New Zealand”เลยนะคะ วิวสวยมากๆค่ะ มีจุดให้จอดชมวิวเยอะมาก แต่ตลอดระยะทางเกือบสี่สิบกิโลมตรนั้ก็แสนจะโค้งคดเคี้ยว เลี้ยวเลาะขึ้นไปตามไหล่เขา แม่ถึงกับต้องขอหลับ เพราะดี๋ยวจะเมารถซะก่อน พอทางเริ่มไม่ค่อยมีทางโค้ง เราก็ใกล้จะถึงHavelockแล้วค่ะ ที่หมู่บ้านHavelockเค้ามีชื่อมากในเรื่องหอยแมลงภู่นะคะ เค้าถึงกับเรียกเมืองเค้าว่าเป็น the "green-lipped mussel capital of the world" เลยนะคะ เราขับมาเจอที่จอดรถแถวๆHavelock Marina เห็นมีป้ายwater taxiอยู่ด้วย สอบถามคนแถวนั้น เค้าว่าเราสามารถเช่าwater taxiเพื่อไปชมวิวของPelorus and Kenepuru Sounds  มีป้ายให้เช่าKayakด้วยนะคะ
   
     ขับเลยมาหน่อยจะเห็นว่าร้านรวงแถวนี้เป็นตึกทรงColonials เกือบทั้งนั้นเลยค่ะ แม่เลยลองหาประวัติของที่นี่ดู ได้ความว่าแต่ก่อนเคยเป็นเหมืองทองเก่ามาก่อน แถมที่นี่ยังมีHavelock museumให้ศึกษาความเป็นมาของเมืองด้วย แม่ว่าจะชวนหนูขิงไปดูซะหน่อย แต่หนูขิงกับพ่อบอกว่าหิวแล้ว ขอกินข้าวกลางวันก่อน อุตส่าห์มาถึงเมืองแห่งหอยแมลงภู่ เราก็ต้องกินหอยแมลงภู่ใช่ไหมคะ ร้านที่ได้ชื่อว่าดังที่สุดแถวนี้นะคะ แน่นอน เมนูขึ้นชื่อก็คือหอยแมลงภู่นั่นเอง  ร้านThe Mussel Pot แห่งนี้เปิดมา20ปีแล้วนะคะ เค้าเปิดแต่เช้า เมนูอาหารเช้าจะขายถึง11โมงเช้านะคะ  วันนี้เราสั่ง Steamed Mussels with Garlic, white wine and Herbs (แต่ในเมนูเค้ามี หอยแมลงภู่กับซอสแกงเขียวหวานด้วยนะคะ) กับ Calamari ค่ะ เค้าเอาหอยใส่ในชามกาละมังมาให้ค่ะ มีน้ำซุปอยู่ข้างล่าง หนูขิงเอาขนมปังกระเทียมจิ้มน้ำซุป แล้วตามด้วยหอย แล้วบอกว่าสุดยอดเลยแม่ พ่อกับแม่ลองชิมแล้วก็เห็นด้วยว่าอร่อยมาก เค้านึ่งได้กำลังดีไม่เหนียวเกิน ปรุงรสได้กำลังดี ไม่เค็มเกิน Calamari ก็ทอดได้กำลังดีไม่เหนียวเกิน และไม่อมน้ำมันด้วยค่ะ เรานั่งข้างนอกบรรยากาศดีทีเดียวเลยค่ะ อิ่มแล้ว ก็เตรียมตัวเดินทางต่อ
หน้าร้าน

อร่อยมาก

จุดหมายค่อไปคือเมืองNelsonนะคะ  ถนนจากHavelock ไปNelson มาคดเคี้ยวเหมือน Queen Charlotte Driveค่ะ ที่เที่ยวแห่งแรกคือFounders Heritage Park ข้อมูลดูที่นี่นะคะ http://www.founderspark.co.nz/

เป็นหมู่บ้านที่จัดแสดงบ้านเรือนและความเป็นอยู่ของคนในเมืองNelsonตั้งแต่ปี 1880 ถึง 1930 มาจัดแสดงค่ะ ทางเข้าจะต้องผ่านกังหันลมเข้ามานะคะ เข้ามาเดินเล่นในบรรยากาศย้อนยุคก็สนุกดีค่ะ แถมมีมีร้านBakeryล็กๆให้นั่งชมวิวด้วย แถมยังมีBrewery ให้ชิมเบียร์ด้วยนะคะ เค้ายัง มีรถไฟวิ่งรอบๆหมู่บ้าน แล้วก็มีเครื่องบินสมัยสงครามโลกมาให้เด็กดูเล่น หนูขิงเดินเล่นดูบ้านเรือนเก่าๆจนหมดแรง เราเลยมานั่งทานขนมกันที่Bakery มีนกเล็กๆบินมาขออาหารเต็มเลยค่ะ แต่ห้ามให้อาหารนะคะ เพราะเดี๋ยวเค้าหาอาหารตามธรรมชาติไม่เป็น ต้องมาคอยขอนักท่องเที่ยว ที่นี่เค้าปิดเร็วนะคะ ประมาณสี่โมงครึ่งก็ปิดแล้ว
กังหันลมที่Founder Heritage Park
หอนาฬิกา
Scone

     แต่เราอยู่ต่อจนเกือบห้าโมงเย็น วันนี้แม่วางแผนว่าจะลองนอนที่ Nelson City Holiday Park  http://www.nelsonholidaypark.co.nz/ แม่ลองโทรไปก่อนปรากฏว่าเค้ามีPower siteว่างอยู่พอดี เราเลยขอจองไว้หนึ่งคืนก่อน ระหว่างทางไปที่Holiday Parkเราขับผ่านdowntownของ Nelsonด้วยค่ะ เลยขับวนๆดูว่ามีอะไรบ้าง จากdowntowถึงที่พักประมาณ20นาที พอไปถึง park host ก็ต้อนรับเราเป็นอย่างดี แล้วถามว่าเรามีแพลนสำหรับพรุ่งนี้ยังไง เราก็เลยบอกว่า เราจะไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติAbel Tasman กัน คุณป้าPark Hostเลยบอกว่าจะขับไปทำไม เค้ามีทัวร์มารับถึงหน้าประตูHoliday parkเลย ถ้าพวกยูจะไป จะจองให้ พ่อกับแม่ก็เลยตกลงจะไปกันค่ะ คุณป้าจัดแจงโทรศัพท์ติดต่อให้เรา คุยสักพักก็บอกว่า พรุ่งนี้รถมารับแปดโมงเช้าข้างหน้านี่เลย เงินค่อยไปจ่ายที่นู่น เราจะไปแบบ นั่งเรือเที่ยว แล้วเรือปล่อยให้ไปเดิน แล้วเราก็เดินไปจนถึงจุดที่เรือจะมารับอีกทีค่ะคุยกันคร่าวๆว่าโปรแกรมมีอะไรบ้าง เสร็จแล้วคุณป้าเลยพาเดินดูส่วนต่างๆของHoliday Parkที่นี่ พาเราไปดูสวนผักorganic กับ ฟาร์มไส้เดือน หนูขิงชอบใจใหญ่เลยค่ะ สักพัก เราก็ขอตัวมาเตรียมทำอาหารเย็น และเตรียมเครื่องแซนด์วิชที่จะเอาไว้ทานตอนไปเดินที่Abel Tasmanพรุ่งนี้ ระหว่างทำอาหาร อ้าวไม่มีมะเขือเทศพ่อเลยจะไปขอยืมจักรยานขี่ไปซื้อที่ร้าน เจอคุณป้าพอดี คุณป้าเลยให้ไปเด็ดเอาในสวนผักของคุณป้า ใจดีจังเลยนะคะ เตรียมของที่ต้องใช้เดินพรุ่งนี้ใส่เป้ เตรียมกระติกน้ำและขนม ให้เรียบร้อย  แล้วรีบเข้านอน เพราะพรุ่งนี้เราจะต้องออกแต่เช้าค่ะ

วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ชิมไวน์ที่ Cloudy Bay กับ Allan Scott ต่อด้วย เดินเล่นที่picton

ตื่นเช้ามาวันนี้อากาศดี เราจะออกเดินทางจากKaikoura เรายังคงขับขึ้นเหนือใช้เส้นทางState Highway 1อยู่นะคะ วันนี้เป็นวันขับรถชมวิวไร่องุ่นโดยเฉพาะค่า เพราะเลยจากKaikouraไปคือแถวที่เค้าเรียกว่า Marlborough region ซึ่งดังมากในเรื่องของไวน์ ถ้าเรามีเวลา คงไปแวะที่ Cloudy bay แต่พ่ออยากลองไปแวะตามพวก “Little boutique wineries” ด้วยค่ะ วันนี้ยังไม่ได้จองที่พักเลย แต่แม่เล็งเอาไว้ว่า เราน่าจะไปถึงpictonตอนบ่ายๆ แล้วค่อยไปหาที่พักที่นั่น ยังไงน่าจะมีอยู่แล้ว เพราะpictonเป็น เมืองที่เป็นท่าเรือFerryที่จะข้ามระหว่างเกาะเหนือไปยังเมือง Wellington และ เกาะใต้  แต่เที่ยวนี้เรายังไม่ข้ามไปเกาะเหนือนะคะ แต่ถ้าใครอยากใช้บริการเรือ ferry มีอยู่ 2เจ้าค่ะ Bluebridge Ferries  http://www.bluebridge.co.nz/ และ Interislander https://www.interislander.co.nz/
                แต่ก่อนออกเดินทาง หนูขิงขอไปแวะซื้อเปลือกหอย paua (rainbow abalone หรือ หอยเป๋าฮี้อ) บอกว่าจะเอาไปเป็นที่ระลึก ร้านขายของที่ระลึกในKaikoura มีอยู่หลายร้านทีเดียวค่ะ มีร้านขายอุปกรณ์กีฬาทางน้ำอยู่ใ กล้ๆกับร้านขายของที่ระลึกด้วยค่ะ พ่อเลยขอแวะหน่อย   
เปลือหอยPaua ที่หนูขิงอยากได้
ได้ของแล้วมีความสุข
 พอหนูขิงได้ของแล้ว พ่อดันมีความคิดขึ้นมาว่า เพราะวันนี้อากาศดี แดดออก เราน่าจะลองไปถามที่ whale watch ดูว่าเค้ามีที่ให้เราไหม ว่าแล้วเราสามคนก็รีบไปทันที แต่น่าเสียดาย คุณป้าบอกว่าเรือเที่ยวเช้าออกไปแล้ว เหลือแต่เที่ยวบ่าย ซึ่งก็เต็ม นอกจากเราจะรอstand byว่ามีใครถอนตัวบ้าง แต่ถ้าทางคงยาก เพราะอากาศดีจริงๆ ได้แต่ปลอบใจหนูขิง แล้วตั้งGPS ไปยัง เมือง Blenheim (อ่านว่า Ble – numนะคะ)
ขับกินลมชมวิวมาเรื่อยๆ ผ่านป้ายแว๊บๆ เขียนว่าLake Grassmere Saltworks ลองแวะดูหน่อยไหม 
แม่เลยหาข้อมูลจากinternet ได้ความคร่าวๆว่า เค้าทำเกลือโดยการปั๊มน้ำทะเลจากมหาสมุทรแปซิฟิค เข้ามาที่lake Grassmere แล้วลมอุ่นๆจากทางตะวันตกเฉียงเหนือก็ทำให้น้ำทะเลระเหย กลายเป็นเกลือ เอาเข้าไปบดแล้วก็รวบรมวมมากองไว้เป็นภูเขาเกลือ ก่อนที่จะนำไปผ่านกระบวนการทำความสะอาดและบรรจุ  ขับเข้าซอยมาสักพักก้เห็นเลยค่ะ ภูเขาเกลือ สีไม่ค่อยขาวมากนัก แต่ก็สูงพอสมควร เค้ามีรั้วกั้นอยู่ เราเลยได้แต่เกาะรั้วดู 
ภูเขาเกลือ

หนูขิงกับพ่อก็เลยเดินสำรวจว่ามีสัตว์อะไรบ้าง จริงๆพ่ออยากยืดเส้นยืดสายค่ะ 
พ่อและหนูขิง
     จากนั้นก็ขับอีกเกือบสี่สิบห้านาทีเราก็มาถึงBlenheim I-SITEค่ะ แม่ถามหนูขิงว่าหิวไหม เพราะเที่ยงแล้ว เค้าบอกไม่หิว เราเลยไปแวะหยิบ The Marlborough Wine Trail map ก่อน มีข้อมูลแปะเอาไว้ว่าแถวนี้ ผลิตไวน์ได้ถึงหนึ่งในสาม ของผลผลิตรวมของนิวซีแลนด์ เลยนะคะ เค้ายังบอกอีกว่า เพราะมีแดดดี และอากาศเย็ยสบายในตอนกลางคืน เลยเป็น”perfect microclimate” สำหรับการปลูกองุ่นค่ะ  พ่ออยากจะไปดู The famous CLOUDY BAY แต่แม่บอกว่าขับไปเรื่อยๆก่อน เพราะดูจากแผนที่แล้วมีเพียบ ขับไปซักพัก ก็เจอ Cloudy Bay ระหว่างพ่อไปดูว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง แม่เลยจับหนูขิงมาถ่ายรูปเล่นค่ะ จากนั้น ก็ขับต่อไป เจอAllan Scott พ่อเลยขอแวะดูอีก Cellar Door host กล่อมให้ลองอีก แต่พ่อบอกว่าต้องขับรถอีกไกล เลยได้แต่มองๆ ที่นี่มีร้านอาหารด้วยแต่คนแน่นมากต้องรอคิวนานเลยค่ะ
หน้า Cellar door
 แถมหนูขิงก็หิวแล้ว เราเลยตัดสินใจไปกินกลางวันที่ The Vines Village เป็นshopping mall เล็กๆค่ะ มีร้านอาหาแบบ café แล้วก็ร้านพวกที่เป็นของแบบartisan อยู่นิดหน่อยค่ะ มีโต๊ะกลางแจ้งให้นั่งทานอาหาร http://www.thevinesvillage.co.nz/

                ทานกันเสร็จ เดินดูร้านนิดหน่อย หนูขิงไม่อยากไปไร่ไวน์แล้ว เราเลยมุ่งตรงไปPictonกันเลยค่ะขับเรื่อยๆแค่สามสิบนาทีก็มาถึงแล้วค่ะ ระหว่างที่พ่อขับ แม่หาข้อมูลของPicton จาก webนี้ค่ะ 
ที่นี่มีAquariumเล็กๆ แบบชาวบ้านๆอยู่ด้วย เลยให้หนูขิงลงไปดู เดินแป๊ปเดียวก็ทั่ว กลับออกมาบอกว่าเค้าจัดแสดงไม่ค่อยดี แถมหาม้าน้ำไม่เจอด้วย เลยเซ็งนิดหน่อย  แม่เลยชวนไปดูเรือสินค้าโบราณกัน ตอนแรกก็บ่นๆว่าคงน่าเบื่อ แต่พอแม่คะยั้นคะยอมากๆ เลยยอม เราเลยเดินไปซื้อตั๋วกันเพื่อจะเข้าไปชม Edwin Fox Maritime Museum ข้อมูลเพิ่มเติมดูที่นี่เลยค่ะhttp://www.edwinfoxsociety.com/  เรือลำนี้ชื่อ The Edwin Fox เค้าเป็นthe world’s oldest merchant ship in existance today!เลยนะคะ museum เล็กๆแต่ทำดีมาก มีส่วนจัดแสดงของใช้ เครื่องมือต่างๆ และประวัติที่แสนจะน่าทึ่ง (ตามความเห็นของหนูขิง) ส่วนที่เป็นโรงเก็บเรือที่มีเรือ Edwin Foxลำจริงๆแสดงอยู่ เราใช้เวลาอยู่ที่นี่จนเกือบหกโมง หนูขิงสนุกมากที่ได้เดินดูข้างในเรือโบราณ ที่ยังเหลือร่องรอยของการใช้งานในอดีตให้เราได้เรียนรู้
ภายในท้องเรือ

หางเสือ
วางไว้บนตอไม้

ด้านบนของเรือ

           ออกมาจากดูเรือ ก็มาเดินเล่นริมน้ำอีกหน่อย จนเกือบทุ่ม แม่เลยชวนพ่อไปขับรถหาที่พักกันคืนนี้ค่ะ ขับยังไม่ถึงไหน ก็เจอป้าย Picton Campervan Park  http://pictonholidaypark.co.nz/ ไม่ต้องคิดมาก ขับตามป้ายแล้วถามเค้าเลยว่ามีPower Siteว่าไหม โชคดีจริงๆที่มีว่าง ที่นี่เค้าเป็นสมาชิกของเครือ Kiwi Holiday Parks ค่ะ ถ้าเป็นสมาชิกมีส่วนลดนะคะ http://www.kiwiholidayparks.com/  อันนี้เรามีmember cardแล้วจากtripปีที่แล้วนะคะ เลยได้ส่วนลด10%ด้วยค่ะ ที่ Picton Campervan Park  สะอาดสะอ้านดีค่ะ ทีหม้อหุงข้าวไฟฟ้าให้ยืมด้วย วันนี้ทำอาหารง่ายๆ ข้าวไข่เจียวกุ้ง กับ ผัดผักรวม เพราะคืนนี้พ่อกับแม่ต้องซักผ้าด้วยเลยไม่อยากนอนดึก เราไม่ขนเสื้อผ้ามาเยอะนะคะ เพราะแทบทุกHoliday parksมีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญให้ใช้ค่ะ
บรรยากาศท่าเรือ


                พ่อกับแม่สมัครสมาชิก ของHoliday Parks เจ้าใหญ่ๆ ไว้ทุกเจ้าเลยค่ะ แต่ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้นะคะ ถ้าวางแผนดีๆ รู้เส้นทาง จองล่วงหน้า สมัครแค่เจ้าเดียวก็พอค่ะ เพราะค่าสมัครก็แพงอยู่  ครอบครัวเราเที่ยวแบบไม่ค่อยวางแผนล่วงหน้า ค่ำไหนนอนนั่น  ขับไปเรื่อยๆ ไม่ชอบเร่งรีบน่ะค่ะ ขอให้มีโทรศัพท์ กับ Internet เอาไว้หาข้อมูลก็พอแล้วค่ะ Holiday parks เจ้าใหญ่ๆมีสามเจ้าค่ะ
http://www.familyparks.com.au/  (เจ้านี้มีทั้งใน ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์เลยนะคะ)

ถ้าอยากปรึกษาเรื่องข้อมูลท่องเที่ยว นิวซีแลนด์ ขับรถบ้าน ติดต่อมาเลยนะคะ หรืออยากยืมหนังสือ หรือ แผ่นพับ travel guideก็ยืมได้นะคะ 

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Exploring Kaikoura

วันที่สาม Exploring Kaikoura
     เช้านี้ตื่นมาพร้อมกับเสียงฝนที่ยังตกอยู่ แต่ไม่แรงเท่าเมื่อคืน ปลุกหนูขิงให้ล้างหน้าล้างตา อ้าวน้ำทำไมไม่ไหล พ่อเลยลองเช็คระดับน้ำดู ก็เต็มนี่นา เลยโทรไปที่ศูนรย์ถ เค้าสอบถามอาการ และให้คุยกับช่าง และลองทำอย่างที่ช่างบอก น้ำก็ยังไม่ไหล  เค้าสงสัยว่าปั๊มน้ำจะเสีย  ช่างเลยบอกว่าจะหาร้านซ่อมในไคคัวราให้ เรา พ่อเลยตัดสินใจ  ให้แม่ไปดูวาฬกับหนูขิง และพ่อไปซ่อมปั๊มน้ำ
      เราไปเช็คอินที่Whale Watch Kaikoura ประมาณเก้าโมงครึ่ง คุณป้าที่เคาน์เตอร์บอกว่าคลื่นลมแรง คลื่นสูงประมาณหนึ่งถึงสองเมตร และถ้าคิดว่าอาจจะเมาคลื่นได้ เราสามารถrefundตั๋วได้ คุณป้าบอกว่ามันไม่คุ้มกันที่เสียเงินตั้งแพงแถมเมาคลื่นอีกต่างหาก เราปรึกษากันว่าขอไปตอนบ่ายได้ไหม คุณป้าบอกว่าตอนบ่ายเต็มพรุ่งนี้ก็เต็ม เราตกลงว่าเลยไม่ไป คุณป้าเลยทำเรื่องคืนเงินให้ หนูขิงเสียใจนิดหน่อย แต่ปลอบใจว่าจะพาไปดูลูกแมวน้ำ ค่อยดีใจขึ้นมาหน่อย ข้อมูลของwhale watch ดูที่นี่ได้เลยค่ะ มีภาษาไทยด้วยนะคะ http://www.whalewatch.co.nz/
     พ่อกับแม่เลยขับออกมาตามหาช่างซ่อมปั๊มน้ำ พอขับมาถึงคุณลุงเจ้าของอู่บอกว่าทางศูนย์รถบ้านแจ้งมาแล้ว คุณลุงมุดดูใต้ท้องรถอยู่พักใหญ่ และบอกว่าconnector หลวม แต่จะมัดให้แน่นคงจะใช้ได้อีกสักอาทิตยนึง และชี้ให้พ่อดูว่าconnectorอยู่ตรงไหน พ่อจะได้แก้ไขถูกถ้ามีปัญหา เราไม่ต้องจ่ายเงินค่ะเพราะทางบริษัทรถบ้านจะจ่ายให้คุณลุงเอง
ซ่อมปั๊ม
      จุดหมายต่อไปคือไปดูลูกแมวน้ำ แต่ก่อนไปแม่พาหนูขิงไปแวะfarm lavenderก่อนนะคะ เป็น ฟาร์ม Lavendyl Lavender เป็นฟาร์มเล็กๆน่ารักนะคะ แต่ไม่มีอาหารขายมีเพียงเครื่องดื่มนิดหน่อย แต่gift shop น่ารักมากๆเลยค่า ที่บริเวณรอบๆฟาร์มปลูกดอกไม้เยอะแยะ เสียดายที่ดอกlavenderเพิ่งถูกตัดไป มีเหลือไม่มากนักดูพอหอมปากหอมคอ http://www.lavenderfarm.co.nz/
Gift shopของฟาร์ม Lavendyl
     เสร็จจากเดินเล่นดูดอกไม้ก็เที่ยงแล้วค่า แม่ถามความเห็นจากทุกคนว่าอยากจะกินอะไรดีสำหรับมื้อกลางวัน ทั้งพ่อและหนูขิงอยากจะกินCrayfish เพราะยังติดใจอยู่จากเมื่อคืน  แถมมาถึงKaikoura ทั้งทีไม่กินcrayfishได้ยังไง เพราะ คำว่าKaikoura ในภาษาMāori แปลว่า 'eat crayfish or lobster'). 'Kai' means eat and 'koura' means crayfish.

     แม่เลยตกลงใจว่าเราจะไปร้าน Nin’s Binกันค่ะ ร้านนี้เป็นร้านโปรดของคนนิวซีแลนด์ที่จะขับรถขึ้นเหนือ ร้านเริ่มเปิดมาตั้งแต่ปี คศ 1970นะคะ เมนูก็มีแค่สองอย่างคือ Crayfish กับMussel  เราใช้เวลาไม่นานขับรถตามเส้น State Highway 1 ขับชมวิวสวยๆ ด้านซ้ายเป็นภูเขา ด้านขวาเป็นทะเลสีคราม เราก็ขับมาถึง Nin’s Bin ร้านเล็กนิดเดียว เราจอดรถข้างๆร้าน ระหว่างพ่อกับหนูขิงก็ไปเลือกเจ้าcrayfish อบเนย มา สองตัว และสั่งหอยแมลงภู่ต้มมาหนึ่งอ่าง แม่ก็ทำน้ำจิ้มซีฟู๊ด และ หยิบผักสลัดลงไปแจม เรานั่งโต๊ะกลางแจ้งเลยค่ะ อากาศเย็นเลยไม่ร้อน แถมวิวสวยอีกต่างหาก อาหารสดและอร่อยมากเลยค่ะ
ราคาเขียนอยู่ที่ตัวcray fishค่ะ

crayfish and the knife

หน้าร้านค่ะ
      ทานกันเสร็จแล้วหนูขิงเลยเดินสำรวจชายหาดเผื่อมีสัตว์แปลกๆ เจอแต่นกทะเลค่ะ เดินซักพักแม่เลยไปเรียกให้กลับมาจะได้ไปกันต่อ จะได้ไปดูแมวน้ำกัน แต่นี่ไม่ได้แมวน้ำธรรมดานะคะ เราจะไปดูลูกแมวน้ำกันค่ะ
ขับรถตาม State Highway 1 ขึ้นไปทางเหนือเรื่อยๆ ตามป้ายOhau waterfall แป๊ปเดียวก็มาถึงจุดชมแมวน้ำ ที่เค้าเรียกว่า ohau point seal colonyไม่มีทางพลาดหรอกนะคะ เพราะจะมีคนจอดรถข้างทางเต็มไปหมด เราแวะดูกันแป๊ปนึงมองลงไปจากหน้าผา เห็นเจ้าแมวน้ำนอนเล่นกันเต็มไปหมดเลยค่ะ
OHAU POINT SEAL COLONY


เจ้าแมวน้ำนอนกันเต็มไปหมดเลยค่ะ
     แต่จุดนี้ยังไม่ใช่Highlightของเรานะคะ ต้องขับต่อไปอีกประมาณ200เมตร ก็จะถึงOhau Stream and Waterfall walk หาที่จอดรถข้างหน้าได้เลยค่ะ  เดินตามป้ายมาเลยค่ะ เดินริมคลองเล็กๆลอดใต้ทางรถไฟไปสักพัก ก็จะถึงน้ำตกที่มีลูกแมวน้ำมาว่ายน้ำเล่นแล้วค่ะ
Seal pups along the stream
 แต่ระหว่างทางสังเกตุดีๆนะคะ เผื่อจะเจอลูกแมวน้ำซ่อนอยู่  เราเจอลูกแมวน้ำขี้เล่นสองตัวระหว่างทางเลยค่อยๆเดินตามมันมา มันน่ารักมากเลยค่ะ อ้อแต่ลูกแมวน้ำพวกนี้เห็นได้ช่วงหน้าใบไม้ร่วงและหน้าหนาวเท่านั้นนะคะ  ที่ป้ายบอกไว้ว่า พวกมันมาเล่นน้ำตกรอระหว่างพ่อแม่ไปหาอาหารในทะเละค่ะ  ทั้งพ่อและหนูนั่งดูลูกแมวน้ำจนบ่ายแก่
seal pups playing at the waterfall
      แม่ต้องเตือนว่าให้ไปร้านขายปลากันดีกว่า ตอนเดินออกมาจากน้ำตก เจอลูกแมวน้ำอีกสองตัวกำลังมุ่งหน้าไปทะเล หนูขิงเลยขอตามไปดู ตามไปเรื่อย จนถึงโขดหินริมทะ ไปแอบดูมันเล่นกันต่ออีกนานสองนาน
เดินตามมาจนถึงโขดหินริมทะเล
     มองนาฬิกาอีกที เกือบห้าโมง แม่เลยเร่งทุกคนขึ้นรถ เดี๋ยวร้านขายปลาจะปิดซะก่อน โชคดีร้านปิดหกโมง เราลองซื้อปลาที่ชาวประมงแถวนี้จับได้ชื่อ gurnard อยากจะซื้อหอยแมลงภู่มา แต่เค้ามีแต่หอยเป็นๆ เราเลยไม่ซื้อมาค่ะ โชคดีมากๆ ที่ร้านมีแป้งชุบทอด และ bread crumbแบ่งขายด้วย  ทีนี้หนูขิงจะได้กินปลาทอดเป็นอาหารเย็นแล้ว
ก่อนกลับไปที่holiday parkแม่ชวนแวะnew world supermarketเพื่อซื้อผักและนมเอาไว้ให้หนูขิงก่อน แต่พ่อกับหนูขิงอยากกลับไปก่อน บอกว่าเด่ยวจะยืมจักรยานของholiday parkขี่ไปซื้อให้เอง

ระหว่างที่แม่เตรียมอาหาร หนูขิงกับพ่อก็ไปซื้อของ แม่ทำไปก็คุยกับคนที่อยู่ที่เตาข้างๆไป เป็นนักศึกษาสองคนมาจากประเทศอังกฤษ ท่าทางทำกับข้าวไม่ค่อยเป็น เค้าอยากหุงข้าวทานกันแต่พอดีที่ครัวนี้ไม่มีหม้อหุงข้าวไฟฟ้า เค้าเลยทำท่าเก้ๆกังๆ แม่เลยเสนอตัวสอนเค้าหุงข้าวแบบไม่เช็ดน้ำของคนไทยให้เค้า พ่อกับหนูขิงกลับมาพอดีเลยมาช่วยแม่เตรียมอาหารด้วย และเลยคุยกับพี่สองคนนี้ต่อ ประมาณว่า ยูไปไหนมาบ้าง ประมาณนั้น คุยไปคุยมา พ่อเลยชวนเค้ากินข้าวกับเราซะเลย ทอดปลาเสร็จ ข้าวของพี่ๆก็สุกพอดี  หนูขิงสนุกใหญ่ที่มีเพื่อนใหม่มากินข้าวด้วย พอทานข้าวเสร็จ พี่ๆเลยรับอาสาล้างจานให้ เป็นการขอบคุณที่ชวนเค้ากินข้าว และสอนเค้าหุงข้าวด้วย วันนี้เป็นวันดีอีกวันหนึ่งของเราเลยค่ะ
     ลืมบอกไปเลยว่า ถ้าจะนอนที่ Holiday parkในเครือของ Top 10 ทำบัตรสมาชิกไว้เลยนะคะ บัตรมีอายุ 2ปีค่า มีสิทธิประโยชน์หลายอย่าง ได้ส่วนลดอีกด้วยค่ะ อย่างคราวนี้ เค้าให้เด็กพักฟรีไม่คิดเงินค่ะ พวกโปรโมชั่น เค้าจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ติดตามได้ที่ https://www.top10.co.nz/
     ถ้าใครสนใจอยากสอบถามข้อมูลการขับรถบ้านเที่ยวในนิวซีแลนด์ email มาหาได้เลยนะคะ practicalitem@gmail.com ค่ะ

วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ไปเที่ยวดูแมวน้ำที่Kaikouraกันนะคะ

วันที่สอง
ไม่อยากตื่นเลยอากาศกำลังเย็นสบาย แต่ต้องรีบเก็บของเพราะนัดรถไว้ 8:30 ตอนที่เราไปถึงออฟฟิศของApollo มีคิวอยู่สองสามคิวเราเลยลงทะเบียนและนั่งรอ  สักพักก็มีเจ้าหน้าที่มาเรียกไปทำเอกสาร งวดนี้เราได้รถเก่าหน่อย ต้องทำความสะอาดพอสมควร แต่เพื่อนของพ่อที่ไปตอนสงกรานต์ได้รถใหม่มาก คงต้องแล้วแต่ดวงนะคะ อ้อแต่เราจองรถแบบ4ที่นั่ง แต่ตอนรับรถแบบ4ที่นั่งไม่มี คุณป้าเจ้าหน้าที่เลยให้แบบ6ที่นั่งมาค่ะ ใหญ่มากๆๆๆ ระหว่างเช็ครอบๆตัวรถ ก็มีโทรศัพท์จากโรงแรมมาหาพ่อ บอกว่าเครดิตคาร์ดพ่อมีปัญหา ให้กลับไปจัดการที่โรงแรมได้ไหม พ่อเลยต้องไปคุย ได้ความว่าเมื่อคืนเจ้าหน้าที่ลืมรูดบัตรตอนเราเช็คอิน เราก็นึกว่าเค้ารูดไปแล้วตอนเราจอง ใช้เวลารับรถประมาณตรึ่งชั่วโมงค่ะ เพราะเราไม่ต้องดูวิดีโอ และอ่านเอกสารแนะนำระบบรถ ได้กุญแจแล้วเราก็เลยขับกลับไปที่โรงแรม จัดการเรื่องบัตรเรียบร้อย เลยขอเค้าจอดรถหน้าโรงแรม และเดินไปร้านโปรด Kathmandu ร้านที่ขายของเกี่ยวกับเอาท์ดอร์และแค๊มปิ้ง ดูของสนุกไปเลย ได้เป้มาสองสามใบ หนูขิงอยากได้เต๊นท์ ต้องรอดูวันสุดท้ายก่อนนะคะ ว่ามีน้ำหนักเหลือพอให้ขนกลับบ้าน จากนั้นก็ไปเอารถที่จอดไว้และ          ก็ไปลาเจ้าหน้าที่ของโรงแรม และตั้งGPSไป Kaikouraกันเลย ระหว่างทางหนูขิงบอกว่ายังไม่ได้ซื้ออาหารเลย แม่เลยหา New Worldบนเส้นทาง  แวะซื้อของที่ New World นานไปหน่อย เกือบบ่ายโมงแล้ว ถามหนูขิงว่าอยากกินอะไร fish and chips” ถ้างั้นไปหาระหว่างทางก็แล้วกัน 
Black back gull
                  ขับขึ้นเหนือมาเรื่อยบนเส้น 74 เข้า Christchurch Northern Motorway (SH1S) และ ก็ขับบน สาย1 มาเรื่อยๆ ฝนเริ่มตก เราเลยมองหาcafeที่อยู่บนถนนนี้ จะได้ไม่เสียเวลา เจอร้านเล็กๆที่เมืองWoodendชื่อ The Grub Hub café ขายอาหารพวกพาย แซนวิช มีfish and chipด้วยค่ะ อาหารและขนมร้านนี้อร่อยนะคะ เราทานเสร็จแล้วก็ขับขึ้นเหนือต่อไป คืนนี้เราจะนอนที่Kaikoura Top 10 Holiday Park นะคะ
                     เราขับเข้าไปเช็คอินก่อนเพื่อจะได้ทำความสะอาดรถและเก็บของที่ซื้อมาเข้าตู้ให้เรียบร้อย ฝนตกแถมลมแรงทั้งวันเลยค่ะ หวังว่าพรุ่งนี้อากาศจะดีนะคะ เก็บของเสร็จเลยพาหนูขิงไปเดินดูแมวน้ำที่ Point Keenค่ะ ที่นี่ดีค่ะที่จอดรถสะดวกและเดินไม่ไกล เดินนิดเดียวก็มีเจ้าแมวน้ำตัวอ้วน  มานอนให้ถ่ายรูปแล้วค่ะ เราเดินสำรวจรอบๆ ดูสาหร่ายแปลกๆ ต้นนึงยาวหลายเมตร เจอนกสองสามชนิด หนูขิงรีบเปิดหาดูใหญ่เลยว่าชื่ออะไร เมื่อวานแม่ซื้อหนังสือเกี่ยวกับนกและปลาของนิวซีแลนด์มาให้ ตอนนี้เดินไปไหนต้องเอาไปด้วยจะได้รู้ชื่อ ปรากฎว่า คือPied shag กับ Black back gull. 
Pied Shag
แม่กับหนูขิงกำลังถ่ายรูปอยู่ อยู่ดีๆมีเจ้าแมวน้ำตัวอ้วนโผล่เข้ามาในกล้อง

ตกใจหมดเลย แถมมาโพสต์ท่าให้ถ่ายรูปอยู่ตั้งนาน เดินจนเกือบห้าโมงเลยกลับ ตอนเดินขึ้นมามีนักท่องเที่ยวมาบอกให้เราไปดูแมวน้ำจอมซ่าที่ขึ้นมานอนผึ่งพุงที่ถนนใกล้ที่จอดรถ  หนขิงเลยวิ่งไปดู  กลับมารายงานว่าเจ้าหน้าที่กำลังต้อนให้ลงไปข้างล่าง เดี๋ยวโดนรถทับ
                    พ่อว่าจะไปแวะร้านขายปลา จะได้ซื้อไปทำเป็นอาหารเย็น แต่หนูขิงบอกว่าหิวมากทนไม่ไหว เราเลยขับวนดูเจอร้านหน้า Holiday Park ชื่อว่า Tuti's Restaurant & Bar แต่งร้านStyle อียิปต์ เราสั่ง Crayfish กับหอยแมลงภู่ผัดซอสมาทาน และ สั่งPan-fried Blue Cod กับข้าวหอมมะลิ มาให้หนูขิง  อาหารอร่อยมาก พ่อขับรถกลับ แม่กับหนูขิงขอเดินกลับค่ะ ก่อนนอนแม่จัดอาหารว่างเอาไว้เพื่อเวลาไปดูวาฬจะได้มีอะไรรองท้อง แล้วก็นั่งอ่านBrochureที่เอามาจาก i-Site วางแผนเที่ยวต่อ สักพักฝนก็ตกลงมาหนักมา เลยนอนฟังสียงฝนสบายไป Good nightค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Hello again ไครชท์เชิรช

เริ่มเดินทาง
มาเที่ยวหนสองเราลองเปลี่ยนมาใช้ สายการบิน Emitates ค่ะ วันนี้เครื่องออก 1955น. แต่เครื่องดีเลย์นิดหน่อยค่ะ ภายในส่วนผู้โดยสารชั้นประหยัดทันสมัยมากและค่อนข้างสะอาดค่ะ มีหนังให้ดูเป็นร้อยๆเรื่องเลยค่ะ เกมก็มีเล่น เสียอย่างเดียว อาหารไม่ค่อยอร่อย หนูขิงตั้งใจจะดูหนังอย่างเดียวแต่ดูไปแค่ชั่วโมงกว่าๆก็หลับซะแล้ว หลังจากใช้เวลาประมาณ9ชั่วโมงเราก็มาถึงที่ท่าอากาศยานKingsford Smithที่Sydney เราต้องแวะพักที่นี่แป็ปนึง โดยผู้โดยสารทุกคนต้องลงจากเครื่องไปผ่านsecurity check และเข้ามารอที่ประตูขึ้นเครื่องอีกครั้ง ตอนรอx-rayของ ควรจะเอาของเหลวทุกชนิดใส่ถุงซิปล็อคไว้ ถ้าไม่มีก็ขอเจ้าหน้าที่ได้นะคะ และเอาออกมาวางให้เจ้าหน้าที่เห็นเลยนะคะ คอมพิวเตอร์ต้องเอาออกจากกระเป๋า พวก ipad กับ tablet ด้วยนะคะ พอผ่าน security checkแล้วเราก็มาเดินเล่นฆ่าเวลาก่อนขึ้นเครื่องได้ เราจะใช้เวลาในการเดินทางจาก อีกเกือบสามชั่วโมง อย่าลืมกรอกฟอร์ม Passenger arrival Card ให้เรียบร้อยก่อนลงจากเครื่องนะคะ

พอเรามาถึงที่Christchurch International Airport ก็เกือบสี่โมงเย็นแล้วค่ะ เพราะตอนที่เรามายังเป็นช่วงที่เค้าเรียกว่า Daylight Saving Timeอยู่นะคะ เราสามคนพ่อแม่ลูกออกมาจากเครื่องปุ๊ปก็ต้องรีบเดินเร็วๆ จะได้คิวที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจะได้ไม่ยาวมากค่ะ แต่ที่นิวซีแลนด์เค้าจัดคิวดีรอไม่นาน แป็ปเดียวก็ผ่านแล้วค่ะ เสร็จแล้วก็ไปเอากระเป๋า หลังจากได้กระเป๋าทีนี้ก็คิวยาวมากๆ เพราะทุกคนต้องผ่านการตรวจ custom และ Biosecurity  บนเครื่องบินเค้าฉายวิดีโอ “Declare or Dispose” อธิบายว่าอะไรเอาเข้ามาในประเทศเค้าได้บ้าง  คราวนี้เรารู้แล้วเลยทำความสะอาดรองเท้าhiking อย่างดี  เราโชคดีมากเพราะตอนที่อยู่ในแถวรอตรวจ เจ้าหน้าที่ถามว่านำอะไรที่เป็นอาหารสดหรือแห้งเข้ามาในประเทศเค้าไหม เราก็เลยบอกว่า เรามาที่นี่ครั้งที่สองแล้ว ไม่ได้นำอะไรมา เพราะส่วนใหญ่เราสามารถหาซื้อได้ในนิวซีแลนด์ (อ้อ คำถามก็จะเป็นเหมือนใน arrival card นะคะ อย่าไปโกหกนะคะ ถ้าจะเอาพวกมาม่า หรือ น้ำพริกไป ก็เขียนอธิบายติดเอาไว้ที่ห่อด้วย) เจ้าหน้าที่เลยให้เราไปช่องเขีว x-rayกระเป๋าแล้วผ่านเลย มีน้องคนไทยกลุ่มนึงนำอาหารมาเยอะ เลยต้องเปิดกระเป๋าให้เค้าตรวจ แต่ก็ผ่านหมดนะคะ เพียงแต่เสียเวลาตรวจกับจัดของนิดหน่อย

พอผ่านออกมาแล้ว จะเห็น isite ไปถามข้อมูลต่างๆได้เลย แม่ไปหยิบbrochure และ พาหนูขิงไปรอขึ้นรถไปโรงแรม ส่วนพ่อไปซื้อซิมโทรศัพท์ แต่ถ้าอันของปีที่แล้วหายไปไหนก็ไม่รู้ แต่เราเอาโทรศัพท์ที่ซื้อปีที่แล้วมาด้วย ถ้ายืนหันหลังให้isite จะเห็นบูธของvodofoneอยู่ ไปซื้อได้เลยค่ะ

รถshuttle bus เราจองมาก่อนแล้วนะคะ เราใช้ยี่ห้อ Super shuttle คนแรก24NZD คนต่อไปก็คนละ 5 NZDค่ะ เราสามคนพ่อแม่ลูกรวมแล้ว 34NZD หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.supershuttle.co.nz 

ใช้ประตูด้านซ้ายใกล้ๆกับvodofone ออกไปรอรถได้เลย จะมีคนต่อแถวยืนรออยู่แล้วค่ะ

ใช้เวลาแค่สิบห้านาทีก็มาถึงโรงแรม Kauri Motel on Riccarton www.kaurimotel.com  เป็นโรงแรมเล็กแต่สะดวกมากสำหรับเรา เพราะมี Riccarton Mall อยู่ตรงข้ามเลยค่ะ นอกจากนั้นก็ยังมี PAK’nSAVE อยู่ใกล้ๆด้วยนะคะ (แถวถนนนี้มีร้านอาหาร เยอะนะคะ ลองเดินดู เพราะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย University of Canterbury)

พอเช็คอิน เจ้าหน้าที่ก็ให้นมมาหนึ่งกล่อง ที่นี่ดีนะคะให้ผลไม้และมัฟฟินด้วยแถมมีชากาแฟและโกโก้เอาไว้ชงด้วย แถมยังสะอาดมาก อาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้ว ก็พากันเดินไปหาอะไรทานกัน       ก่อนออกไปข้างนอกแวะขอให้เจ้าหน้าที่จองรถให้หน่อยเพื่อที่จะไปเอารถบ้าน นัดเวลาเรียบร้อย เราก็เดินข้ามถนนไปก็ถึงห้างแล้วค่ะ

 หนูขิงเป็นห่วงกลัวไม่ได้ไปซื้อของเล่น  เลยขอกินอาหารจีนที่food court สงสัยจะหิวมากเลยทานแป็ปเดียวหมดเกลี้ยง หลังจากนั้นก็ไปหาซื้อของเล่นให้หนูขิง เพราะปีที่แล้วมาที่นี่หนูขิงได้ Sea Monkeyไปเลี้ยง แต่มันตายหมด ปีนี้เลยอยากได้อีก ลองดูข้อมูลที่นี่นะคะ www.seamonkeys.co.nz

หลังจากนั้นก็ไปซื้อของใช้สำหรับทริปนี้ ส่วนอาหารเอาไว้ซื้อพรุ่งนี้ แม่ชอบของที่ New Worldมากกว่าที่อื่น วันนี้เป็นวันพฤหัส ร้านค้าในmallส่วนใหญ่ปิดสามทุ่มค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556

เตรียมตัวไปนิวซีแลนด์ (อีกครั้ง)

สวัสดีค่ะ

อีกไม่กี่วันเราสามคนพ่อแม่ลูกก็จะไปขับรถบ้านที่ประเทศนิวซีแลนด์อีกแล้วค่ะ  ก่อนที่จะไปก็ต้องไปขอวีซ่าก่อน ตอนนี้เราสามารถขอวีซ่าได้ที่

New Zealand Visa Application Center
ชั้น19th ITF Tower ถนนสีลม ( เปิด 8:30 - 16:30)
www.ttsnzvisa.com

อย่าลืมเตรียมเอกสารไปให้พร้อมรวมถึง ค่าธรรมเนียม + ค่าวีซ่าจ่ายเป็นเงินสด หรือใช้บัตรเครดิตได้นะคะ กรอกใบสมัครให้เรียบร้อยและติดรูปให้แน่นนะคะ ที่นี่เค้าเพิ่งเริ่มให้บริการได้ไม่กี่เดือนยังจัดระบบและตอบคำถามได้ไม่ดีนัก อย่าลืมหยิบปากกาติดไปด้วยนะคะ แม่เห็นมีเด็กๆหลายคนลืมกรอกข้อมูลบางอย่างไปต้องยืมปากกากันให้วุ่นเลย เพราะทางศูนย์มีปากกาอยู่ไม่กี่ด้ามและต้องเผื่อเวลาในการรออนุมัติวีซ่าไว้ด้วยนะคะ เพราะใช้เวลาประมาณ 10วันทำการในการดำเนินเรื่องวีซ่าค่ะ (ไม่นับเสาร์อาทิตย์และวันหยุดราชการนะคะ)

ไปคราวนี้ก็วางแผนคร่าวๆไม่เร่งรีบเหมือนเดิม แค่จดไว้ว่าจะไปเมืองไหนก่อน ยังยึดหลักการณ์เดิมคือแวะไปเรื่อยๆนะคะ เก็บข้อมูลตามi-Site และโทรศัพท์จองที่พักกับทัวร์ล่วงหน้าสักวันสองวัน เที่ยวนี้ไม่มีหยุดEasterเลยไม่ต้องห่วงว่าที่พักจะเต็ม
เวลาวางแผนขับรถเราสามารถเข้าไปคำนวณระยะทางกับเวลาคร่าวๆได้จาก google map หรือ http://www.newzealand.com/travel/getting-to-around-nz/travel-times-and-distances/travel-times-and-distances-home.cfm
หรือลองsearch "new zealand distance chart"นะคะ

จะหาว่ามีกิจกรรมอะไรบ้างในแต่ละเมือง ก็ดูได้ที่นี่นะคะ http://www.newzealand.com/int/things-to-do/
หรือ http://www.destination-nz.com/new-zealand-info

ถ้าอยากหาข้อมูลท่องเที่ยวนิวซีแลนดเพิ่มเติม โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ พวกอุทยานแห่งชาติทั้งหลาย ลองอ่านดูในเว็บนี้นะคะ
 http://www.doc.govt.nz/parks-and-recreation/places-to-visit/

เรื่มจากChristchurch และขับรถขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ คงเริ่มจากไปทาง Kaikouraไปนั่งเรือดูวาฬ, Nelson, Abel Tasman, Golden Bay แล้วขับขึ้นเหนือสุดของเกาะใต้พาหนูขิงไปเหนือสุดของเกาะใต้ที่ Farewell Spit. จากนั้นก็จะพาไปเที่ยวแถวWest Coast ขับไปจนถึง Franz Josef and Fox Glacier ตั้งใจว่าจะพาหนูขิงขึ้นHeliHikeไปดูธารน้ำแข็งค่ะ เพราะอายุถึงแล้ว แต่ก็ยังไม่จองอยู่ดีเพราะยังไม่มีวันที่แน่นอนว่าจะไปถึงแถบWest Coastเมื่อไหร่ แต่emailคุยเอาไว้แล้วค่ะว่าอยากจอง
จากนั้นก็กลับมาChristchurchผ่านทาง Arthur Pass. หรือถ้ามีเวลาเหลือเยอะอาจไปOamaruเพื่อไปเยี่ยมคุณพยาบาล Robynก่อนกลับ (ที่ดูแลพ่อคราวที่แล้วตอนพ่อเป็นนิ่ว) แล้วค่อยกลับไปขึ้นเครื่องที่Christchurch.

เราจองที่พักแค่ที่สองสามเมืองแรกค่ะ ตือวันแรกที่ไปถึงChristchurchจองโรงแรมชื่อ Kauri Motel อยู่ใกล้กับ Ricarrton Mallค่ะ(http://www.kaurimotel.com/)  เพราะวันแรกไปถึงก็บ่ายสามโมงกว่าแล้ว ไปรับรถคงไม่ทัน เลยมาตั้งหลักซื้อของใช้ที่จำเป็นก่อน วันรุ่งขึ้นค่อยไปรับรถและออกเดินทาง ไปKaikoura

คืนที่สอง-สาม จองที่พักไว้ที่Kaikoura top 10 Holiday park ค่ะ http://www.kaikouratop10.co.nz/ จากประสบการณ์ของแม่นะคะ ถ้าจองโดยตรงกับholiday park ราคาพอกัน แต่ไม่ต้องมีบัตรเครดิตการันตีค่ะ

ว่าจะพาหนูขิงไปดูวาฬด้วยค่ะ จองเรือไปดูวาฬที่ http://www.whalewatch.co.nz/ ถ้าจองผ่านweb เฉพาะผู้ใหญ่จะได้ลด10%ด้วยนะคะ ตั๋วราคา145NZD เราได้ลดไป29NZD ค่ะ
อย่าลืมเช็คสภาพอากาศก่อนไปนะคะ จะได้เตรียมเครื่องกันหนาวให้พร้อม เช็คอากาศได้ที่นี่นะคะ http://www.metservice.com/national/home

เราจะใช้เวลาอยู่ทีเกาะใต้ประมาณ2อาทิตย์นิดๆค่ะ หนูขิงตื่นเต้นน่าดู นับวันอยู่ทุกวันว่าเมื่อไหร่จะถึงวันไปสักที -- เที่ยวนี้จะไปแถว West Coast ในคู่มือบอกว่า มีฝนตกชุก เราเลยเตรียมเสื้อกันฝนไปด้วยค่ะ จะได้เที่ยวอย่างไม่เป็นปัญหา ของที่ครอบครัวเราเตรียมไปนอกจากเสื้อผ้า เครื่องกันหนาวก็มี
เสื้อฝน ร่ม ไฟฉาย รองเท้าแตะ(เอาไว้ใส่เดินในรถบ้าน กันพื้นรถเลอะ และใส่เดินที่holiday park) หัวแปลงปลั๊กไฟ(ต้องเลือกรุ่นที่ดูทนทานหน่อยนะคะ) ยาประจำตัว พวกครีมทาผิว สบู่ แชมพู ครีมกันแดด ขอเอาไปแต่ของหนูขิง  ของพ่อกับแม่อนุญาติไปซื้อที่นู่นนะคะ อ้อ เอาถุงผ้าไปซัก2ใบก็ดีนะคะ บางซุปเปอร์มาร์เก็ต ไม่มีถุงพลาสติคให้ค่ะ

และถ้าพกกล่องเก็บอาหาร พวกใช้อุ่นในไมโครเวฟได้และมีฝาล็อคได้ไป 2-3ใบก็ดีนะคะ เผื่อทานอาหารเหลือแล้วเก็บไว้อุ่นทานต่อได้ และถ้าไปเดินตามtrackจะได้เอาอาหารไปทานได้ระหว่างทางนะคะ

กระติกน้ำที่เก็บความร้อนได้เผื่อเอาไว้ใส่ชาอุ่นๆจิบแก้หนาว กระติกน้ำให้หนูขิงไว้ใส่น้ำดื่ม น้ำประปาที่นิวซีแลนด์สะอาดดื่มได้ ส่วนใหญ่รถบ้านจะมีเครื่องกรองน้ำไว้ให้ด้วยนะคะ พกกระติกไปเองไม่ต้องซื้อน้ำ หรือซื้อน้ำขวด และเก็บขวดไว้เติมก็ได้ค่ะ

คราวนี้พ่อกับแม่เลือกรถบ้านที่ราคาถูกลงไปอีกหน่อย ยี่ห้อ Cheapa Campa แต่จองผ่านAgentนะคะ http://www.apollocamper.com/ เพราะคราวที่แล้วสังเกตุว่าเห็นฝรั่งใช้ยี่ห้อนี้กันเยอะ หนังสือนำเที่ยวของบ้านเราแนะนำแต่ ยี่ห้อMaui, Britz, Alphaหรือ Kea เราลองเปรียบเทียบราคาดูแล้ว ค่อนข้างถูกกว่าที่อื่นด้วยค่ะ ก็คงต้องลองดูกันนะคะ ว่าใช้ได้ไหม  อ้อต้องเช็คโปรโมชั่นด้วยนะคะว่าเป็นยังไง อย่าลืมทำประกันด้วยนะคะ ทำแบบAll Inclusive แต่ต้องเช็คนิดนึงนะคะ ว่าครอบคลุมอะไรบ้าง เพราะแต่ละบริษัทอาจครอบคลุมไม่เท่ากัน บางคนก็ไม่ซื้อนะคะ เพราะค่าประกันค่อนข้างแพง สำหรับแม่แพงขึ้นมาหน่อยแต่อุ่นใจว่าถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้นกับรถ เราก็ไม่ต้องจัดการเรื่องก่อนขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพนะคะ

อีกอย่างนึงคนนิวซีแลนด์เค้าใช้slang ค่อนข้างเยอะนะคะ อย่างห้องน้ำเราเรียกว่าtoilet เค้าเรียกว่า loo หรือ sunglasses = sunnies. มีอีกหลายคำแม่จำไม่ค่อยได้ แต่สองสามวันผ่านไปก็พอเข้าใจค่ะ

แล้วเจอกันที่นิวซีแลนด์ค่ะ